ดอกซากุระบานในเกียวโต

เมื่อย้อนกลับไปฤดูใบไม้ผลิที่เกียวโตปีที่ผ่านมา ภาพที่ตราตรึงใจผมของเมืองนี้คือ… ดอกซากุระบานสะพรั่ง!

ปีที่ผ่านมา มอรีนและผมตัดสินใจเช็คจุดหมายปลายทางอีกแห่งจากรายชื่อสถานที่ในฝันที่เราต้องการไปเยือน ครั้งนี้คือการยลโฉมซากุระบานที่เกียวโต ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ง่ายมากหากเรามาช้ากว่านี้เพียงสัปดาห์เดียวเพราะฤดูซากุระนั้นสั้นมาก ความหาชมยากคือจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเห็นซากุระบานด้วยตัวเอง โอกาสอันน้อยนิดที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ความงามอย่างแท้จริงเพียงระยะเวลาสองสัปดาห์ต่อปีเท่านั้น ผมเก็บรายละเอียดอย่างดีลงในบันทึกการเดินทางเพื่อรักษาความทรงจำนี้ไว้

1 เมษายน 2562

เราใช้เวลานั่งรถไฟความเร็วสูงจากเกียวโตเพียงสองชั่วโมง และในไม่ช้าเราก็ตระหนักว่าทำไมเกียวโตจึงเป็นเมืองหลวงด้านวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ที่นี่มีทั้งวัด ศาลเจ้า โบราณสถาน และแน่นอนคือดอกซากุระบานทุกฤดูใบไม้ผลิ

ผมใฝ่ฝันมานานแล้วว่าจะได้ชมดอกซากุระและเป็นส่วนหนึ่งของเทศการชมดอกไม้ “ฮานามิ” – การชมดอกซากุระบานที่เกียวโต ไม่ใช่เป็นเพียงการชมดอกไม้แต่เป็นประสบการณ์ทางสังคมก็ว่าได้ (จะกล่าวเน้นอีกในลำดับต่อไป) เราวางแผนอย่างดี เดินทางถึงในต้นเดือนเมษายน – ฤดูใบไม้ผลิที่เกียวโต – เป็นช่วงที่ดอกไม้บานเต็มที่ ฤดูนี้นั้นสั้นมากและเราไม่อยากพลาดเด็ดขาด

มอรีนและผมใช้บัตรสมาชิก Accor Plus เพื่อประหยัดค่าที่พักที่โรงแรม Kyoto Yura Hotel MGallery และผมไม่ผิดหวังเลยที่เลือกที่นี่ โรงแรมตกแต่งล้ำสมัยแต่ยังดึงเอาเสน่ห์โบราณของเกียวโตมาผสมผสานเข้าด้วยกันได้ลงตัว เรามาถึงช่วงก่อนค่ำเล็กน้อย เราพักในห้องสักครู่ให้หายเหนื่อยจากการเดินทางเพราะเรารู้ดีว่า เราได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เราทานมื้อเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม “54th Station Grill” ต่อด้วยบาร์ใกล้ๆ (ผมทนความเย้ายวนของวิสกีญี่ปุ่นไม่ได้ ส่วนมอรีนนั้นเพลิดเพลินไปกับ spritzer ไวน์ขาว) เป้าหมายของผมเมื่อเรามาที่นี่แล้วคือการลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นแบบคอร์ส

2 เมษายน 2562

มอรีนกับผมตื่นกันแต่เช้าและทานอาหารกันเรียบร้อยในโรงแรม เราไม่ได้วางแผนว่าจะกินมื้อเช้าในโรงแรมหรอกเพราะที่เราคิดไว้ว่าจะออกไปลองอาหารข้างนอก แต่ประสบการณ์จากมื้อเย็นเมื่อวานบอกว่า การสั่งอาหารจากร้านท้องถิ่นนั้นเล่นเอาเราวิงเวียนเลยทีเดียว ด้วยเหตุผลดังกล่าวและส่วนลด Accor Plus ช่วยให้เราต้องจ่ายเพียงมื้อเดียวเท่านั้นเอง หลังจากพูดคุยและสอบถามคอนเซียจซึ่งได้แนะนำเราไป Keage Incline จุดชมซากุระ ซึ่งเมื่อก่อนเป็นทางรถไฟแต่ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยต้นซากุระ นับว่าเป็นจุดชมซากุระบานที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในเกียวโต คุ้มค่ากับการฝ่าฝูงชนเข้าไป กลีบดอกขาวบอบบางเกาะอยู่บนกิ่งเหนือศีรษะ หลังจากเดินบนทางลาดชันเล็กน้อยเราก็มาถึงริมน้ำเพื่อนั่งเรือล่องในทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa Canal) ซึ่งถือว่าเป็นมุดที่ยอดเยี่ยมแห่งหนึ่งในการชมซากุระบานริมฝั่ง

ความมหัศจรรย์ของซากุระบานยาวต่อเนื่องมาถึงวัดคิโยะมิสึเดระ เรายืนอยู่บนแท่นไม้ขนาดใหญ่บนเนินเขาเพื่อชมพระอาทิตย์สีทองอมชมพูลับขอบฟ้าในยามเย็นตัดกับเงาของซากุระบานสะพรั่ง ความงามเหล่านี้ส่งผมไปอีกมิติหนึ่งที่สงบมาก มอรีนหลงรักเกียวโตเข้าแล้ว

3 เมษายน 2562

แม้ว่าเราจะได้ชมซากุระบานของเกียวโตแล้วก็ตาม ผมก็ยังโหยหา “ฮานามิ” แบบดั้งเดิมอยู่ หัวใจของฮานามิคือการแบ่งปันประสบการณ์ถึงจิตวิญญาณ ความมหัศจรรย์และความพึงพอใจต่อธรรมชาติรอบๆ ตัวเรา ดีที่เราทั้งสองคนชอบสร้างมิตรใหม่ๆ และการแวะสวนสาธารณะมารุยามะจะทำให้เราจดจำไปอีกนาน

ใต้ร่มเงาของต้นซากุระ กลีบดอกสีชมพูอ่อนๆ กระจัดกระจายอยู่บนพื้นดิน ปลิวไสวตามแรงลมเบาๆ เปรียบเสมือนผู้ร่วมเฉลิมฉลองจำนวนมาก ร้านอาหารสไตล์ป็อปอัพสร้างสรรค์เมนูธีมซากุระออกมาเรียกแขกผู้มาเยือนกันมากมาย โต๊ะอาหารชั่วคราวเรียงรายกันอย่างใกล้ชิดจนเราพอจะได้ยินบทสนทนาจากโต๊ะข้างๆ แล้วเราก็ไม่ใช่คนแปลกหน้ากันอีกต่อไป ผมและมอรีนได้กล่าวทักทายบรูซกับเกวน คู่สามีภรรยาวัยกลางคนอัธยาศัยดีที่บังเอิญมาจากออสเตรเลียเหมือนกับเรา!

เรานั่งเพลินๆ ไป 2-3 ชั่วโมงท่ามกลางต้นซากุระติดดอกสะพรั่ง แบ่งปันอาหาร เครื่องดื่ม และเรื่องราวกันอย่างออกรสออกชาติ เกวนชวนเราชิมของหวานธีมซากุระที่เธอซื้อมาจากร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งในย่านเมืองเก่าเกียวโต ตกค่ำฉากใหม่ก็เริ่มขึ้น ต้นซากุระหลายร้อยต้นได้รับการประดับไฟ ทำให้เหมือนมีเงาลางๆ สีขาวชมพูตัดกับท้องฟ้ายามเย็น ช่างเป็นการสิ้นสุดวันที่งดงาม